ตุ่มใสที่เท้า
ตุ่มใสที่เท้าเกิดจากองค์ประกอบหลัก ๆ 4 อย่างคือ ความชื้น แรงเสียดทาน ความร้อน และความเย็น หากองค์ประกอบต่าง ๆ มีอยู่ที่เท้าคุณ ก็จะมีโอกาสที่เกิดตุ่มใสสูงยิ่งขึ้น ฉะนั้นหากเราต้องการลดโอกาสที่เกิดตุ่มใส ก็จะต้องลดองค์ประกอบทั้ง 4 ชนิด วิธีง่าย ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้วคือ การหลีกเลี่ยงการลงน้ำ ใช้ถุงเท้าที่สะอาดไม่เปียกชื้น ให้อากาศถ่ายเทในรองเท้าได้สะดวก ก็จะสามารถช่วยลดโอกาสที่จะเกิดตุ่มใสได้
ก่อนที่จะมาดูรายละเอียดขององค์ประกอบต่าง ๆ เราจะมาดูเรื่องผิวหนังของเราอย่างคร่าว ๆ กันก่อน ผิวหนังของคนเราจะประกอบด้วยผิวหนัง 2 ชั้น คือผิวชั้นนอกและผิวชั้นใน โดยระหว่างผิวหนังทั้งสองจะมีตัวเชื่อมระหว่างชั้นอยู่ซึ่งจะเรียกว่า Basement Membrane Zone หรือ BMZ โดยตุ่มใสจะเกิดบริเวณรอยเชื่อมนี้เมื่อรอยเชื่อมถูกทำลายลงด้วยความร้อน ความชื้น แรงเสียดทาน หรือความเย็น
ในองค์ประกอบทั้ง 4 ที่กล่าวมาเราจะมาดูรายละเอียดกันสักเล็กน้อยว่า สามารถทำให้รอยเชื่อมระหว่างผิวหนังเสียไปได้อย่างไร
•ความร้อน – ทำให้เกิดปฏิกริยา Thermal Reaction ซึ่งจะลายรอยเชื่อมของผิวหนัง ความร้อนอาจจะเกิดจากรองเท้าที่อากาศไม่ถ่ายเท แรงเสียดสีในรองเท้า เป็นต้น
•ความเย็น – ทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณผิวหนังลดลง ทำให้ผิวหนังมีความบอบบางมากขึ้น
•ความชื้น – เมื่อมีความชื้นเกิดขึ้น ผิวหนังจะมัการดูดซึมความชื้นเข้าไปทำให้ผิวอ่อนนุ่มและเกิดความอ่อนแอภายในผิวหนังขึ้น ความชื้นอาจจะเกิดจากการใส่ถุงเท้าที่อับชื้น รองเท้าที่เปียก
•แรงเสียดทาน – เมื่อผิวหนังเสียดสีกันก็จะก่อให้เกิดแรงเสียดทานขึ้น แรงเสียดทานอาจจะเกิดจากเท้ากับถุงเท้า หรือถุงเท้ากับพื้นรองเท้า บางครั้งก็อาจจะเกิดจากรองเท้าที่แน่นเกินไป หรือมีสิ่งแปลกปลอมใสรองเท้า เป็นต้น
วิธีแก้ไข
ถ้าเป็นในขณะเกมการแข่งขันจริงๆแล้วควรจะหยุดเล่น แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้ถอดรองเท้าและถุงเท้าออกมา
และนำผ้าเทปมาแปะไว้บริเวณที่เกิดตุ่มใส ผ้าเทปจะเป็นตัวลดการเสียดสีระหว่างผิวบริเวณนั้นกับถุงเท้าซึ่งจะช่วยลด
ความเจ็บเวลาเคลื่อนไหว หากเราไม่นำผ้าเทปมาปิดตั้งแต่ต้นแล้วเล่นต่อ ผิวหนังบริเวณนั้นก็จะเจ็บขึ้นเรื่อย ๆ
สำหรับผ้าเทปที่ใช้ควรเป็นแบบผ้าหรือแบบที่ติดแล้วไม่หลุดง่าย
หลังจากการแข่งขันแล้ว
หากคุณต้องการเจาะตุ่มใส ๆ ออกก็สามารถทำได้ โดยใช้เข็มที่สะอาด โดยให้ล้างเท้าให้สะอาดก่อน
แล้วใช้เข็มเจาะเข้าไปในตุ่มใส ไม่ต้องกลัวเจ็บเพราะผิวหนังบริเวณเท้าจะค่อนข้างหนา เมื่อเจาะแล้วก็ให้บีบน้ำ
จากตุ่มออกมาให้หมด แล้วใช้ผ้าเทปปิดทับอีกครั้ง
credit:http://www.mrbackpacker.com/tips/tip_16.html
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
อันตรายจากการสวมใส่รองเท้าส้นสูง
รองศาสตราจารย์บัญญัติ สุขศรีงาม
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
รองเท้าเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องแต่งกาย การเลือกรองเท้าที่ดีและเหมาะสมก็จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูสวยและสง่างามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรองเท้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายจะมีการผลิตออกมาจำหน่ายหลายรูปแบบตามแฟชั่นสมัยนิยม
แต่รองเท้าประเภทหนึ่งที่คุณผู้หญิงที่ทำงานในเมืองและกลุ่มนิสิตนักศึกษาวัยรุ่นหญิงทั้งหลายนิยมใช้กันมาก ได้แก่ รองเท้าส้นสูง นั่นเอง
แม้ว่าการใส่รองเท้าส้นสูงจะทำให้ดูสูงขึ้นและสง่างามก็ตาม แต่ก็ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ
ของเท้าได้เช่นกัน กล่าวคือ การใส่รองเท้าส้นสูงไปนาน ๆ จะทำให้รอยเท้าสั้นกว่าปกติ ทำให้การรับน้ำหนักของร่างกายผิดปกติไปด้วย เป็นผลให้ร่างกายรักษาสมดุลได้ค่อนข้างยาก ในขณะใส่
รองเท้าส้นสูงจะทำให้กล้ามเนื้อฝ่าเท้าและขาต้องทำงานหนักมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณน่องและเอ็นร้อยหวายจะหดตัวอยู่ตลอดเวลา จึงมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดบริเวณนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใส่รองเท้าที่มีส้นสูงมาก ๆ ก็ทำให้บริเวณหลังจะแอ่นมากกว่าปกติและเป็นสาเหตุของการปวดหลังได้ในที่สุด นอกจากนี้มีรายงานทางการแพทย์พบว่าการใส่รองเท้าที่มีส้นสูงมาก ๆ และปลายแคบจะทำให้มีความเสี่ยงต่อความพิการของเท้าได้เช่นกันเนื่องจากในขณะยืนหรือเดินจะเกิดแรงบีบที่นิ้วเท้าและเพิ่มแรงกดที่ฝ่าเท้าอย่างมาก เช่น ถ้าใส่รองเท้าส้นสูงปลายแคบโดยมีความสูงระหว่าง ๓ ๔ นิ้ว จะทำให้เพิ่มแรงกดที่ฝ่าเท้ามากเป็น ๗ เท่าของการสวมรองเท้าพื้นราบ
ในปัจจุบันยังมีการนิยมสวมใส่รองเท้าส้นสูงอีกลักษณะหนึ่งที่เรียกว่า รองเท้าส้นตึกซึ่งเป็นรองเท้าที่มีความสูงทั้งส่วนส้นเท้าและปลายเท้า เป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานในเมืองใหญ่ ๆ หรือนิสิตนักศึกษา ทั้งนี้ได้อิทธิพลของแฟชั่นรองเท้าส้นตึกมาจากญี่ปุ่นนั่นเอง แต่แทบไม่มีใครได้ทราบเลยว่าการใส่รองเท้าส้นตึกเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะการทำให้ปวดหัวเข่าและข้อเท้า
เมื่อไม่นานมานี้ นายแพทย์เคซีย์ เคอร์ริแกน ได้ศึกษาผลของการสวมใส่รองเท้าส้นตึกต่อสุขภาพ
โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงอายุตั้งแต่ ๓๐ ปีขึ้นไป จำนวน ๒๐ คน และแต่ละคนมีสุขภาพ
สมบูรณ์แข็งแรง ผู้หญิงกลุ่มตัวอย่างได้สวมใส่รองเท้าส้นแหลมและรองเท้าส้นตึก จากนั้นให้เดินไปบนทางเดินเป็นระยะทาง ๑๐ เมตร ระหว่างการเดินจะมีการบันทึกการเคลื่อนไหวของแต่ละคนไว้ รวมทั้งวัดแรงกดที่มีต่อหัวเข่าและข้อเท้าไว้ด้วย จากผลการทดลองพบว่าการสวมใส่รองเท้าส้นแหลมและรองเท้าส้นตึกจะทำให้หัวเข่าและข้อเท้าต้องรับแรงกดจากน้ำหนักมากเกินไป ถ้าสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดอาการปวดหัวเข่าได้ และยิ่งผู้สวมใส่มีอายุมากจะเกิดอาการปวดเข่าได้รวดเร็วด้วย
นอกจากอันตรายดังกล่าวแล้วการสวมใส่รองเท้าส้นตึกยังอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้สวมใส่โดยทำให้เกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยบริเวณน่องและขา รวมทั้งอาจเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ๓ ระดับ ได้แก่ เอ็นฉีกขาดเล็กน้อย เอ็นฉีกขาดรุนแรงระดับกลางและเอ็นฉีกขาดจากกัน
และจากข้อมูลของการรักษาพยาบาลพบว่าผู้ป่วยจากการสวมรองเท้าส้นตึกส่วนมากจะมีอาการเท้าแพลงที่มีสาเหตุจากเอ็นฉีกขาดรุนแรงระดับกลางมากที่สุด ทำให้ต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานานอีกด้วย
แม้ว่าการสวมใส่รองเท้าส้นสูงอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความ
นิยมของคุณผู้หญิงทั้งหลายลดน้อยลง เพราะอันตรายที่อาจจะเกิดจากการสวมใส่รองเท้าส้นสูงกว่าจะปรากฏอาการออกมาให้เห็นก็ใช้เวลานาน
จึงขอให้คุณผู้หญิงทั้งหลายได้ให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย การใส่รองเท้าส้นสูงทำให้ดูสวยและสง่างามก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้คุ้มค่ากันหรือไม่ก็ขอให้นำไปเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจ
เนื่องจากการใส่รองเท้าส้นสูงทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพดังกล่าวมาแล้ว การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการไม่ใส่รองเท้าส้นสูง แต่ใส่รองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าไม่มีส้น เพราะทำให้หัวเข่าและข้อเท้าไม่ต้องรับแรงกดจากน้ำหนักตัวมากเกินไป จึงไม่เกิดอาการปวดหัวเข่าหรือข้อเท้าหรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณน่องและขา
ส่วนคุณผู้หญิงที่ชอบหรือจำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูงก็ต้องหาทางป้องกันอันตรายไว้ด้วย เช่น ในแต่ละวันไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ควรหาโอกาสพักการใส่รองเท้าส้นสูงไว้บ้างเพื่อให้เท้าได้มีโอกาสผ่อนคลาย การกระทำเช่นนี้จะช่วยลดอันตรายจากการใส่รองเท้าส้นสูงได้บ้าง
ที่มา...สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1060
ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
รองเท้าเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องแต่งกาย การเลือกรองเท้าที่ดีและเหมาะสมก็จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้ดูสวยและสง่างามยิ่งขึ้น โดยเฉพาะรองเท้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายจะมีการผลิตออกมาจำหน่ายหลายรูปแบบตามแฟชั่นสมัยนิยม
แต่รองเท้าประเภทหนึ่งที่คุณผู้หญิงที่ทำงานในเมืองและกลุ่มนิสิตนักศึกษาวัยรุ่นหญิงทั้งหลายนิยมใช้กันมาก ได้แก่ รองเท้าส้นสูง นั่นเอง
แม้ว่าการใส่รองเท้าส้นสูงจะทำให้ดูสูงขึ้นและสง่างามก็ตาม แต่ก็ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ
ของเท้าได้เช่นกัน กล่าวคือ การใส่รองเท้าส้นสูงไปนาน ๆ จะทำให้รอยเท้าสั้นกว่าปกติ ทำให้การรับน้ำหนักของร่างกายผิดปกติไปด้วย เป็นผลให้ร่างกายรักษาสมดุลได้ค่อนข้างยาก ในขณะใส่
รองเท้าส้นสูงจะทำให้กล้ามเนื้อฝ่าเท้าและขาต้องทำงานหนักมากขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณน่องและเอ็นร้อยหวายจะหดตัวอยู่ตลอดเวลา จึงมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเลือดบริเวณนี้
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใส่รองเท้าที่มีส้นสูงมาก ๆ ก็ทำให้บริเวณหลังจะแอ่นมากกว่าปกติและเป็นสาเหตุของการปวดหลังได้ในที่สุด นอกจากนี้มีรายงานทางการแพทย์พบว่าการใส่รองเท้าที่มีส้นสูงมาก ๆ และปลายแคบจะทำให้มีความเสี่ยงต่อความพิการของเท้าได้เช่นกันเนื่องจากในขณะยืนหรือเดินจะเกิดแรงบีบที่นิ้วเท้าและเพิ่มแรงกดที่ฝ่าเท้าอย่างมาก เช่น ถ้าใส่รองเท้าส้นสูงปลายแคบโดยมีความสูงระหว่าง ๓ ๔ นิ้ว จะทำให้เพิ่มแรงกดที่ฝ่าเท้ามากเป็น ๗ เท่าของการสวมรองเท้าพื้นราบ
ในปัจจุบันยังมีการนิยมสวมใส่รองเท้าส้นสูงอีกลักษณะหนึ่งที่เรียกว่า รองเท้าส้นตึกซึ่งเป็นรองเท้าที่มีความสูงทั้งส่วนส้นเท้าและปลายเท้า เป็นที่นิยมกันมากในกลุ่มผู้หญิงที่ทำงานในเมืองใหญ่ ๆ หรือนิสิตนักศึกษา ทั้งนี้ได้อิทธิพลของแฟชั่นรองเท้าส้นตึกมาจากญี่ปุ่นนั่นเอง แต่แทบไม่มีใครได้ทราบเลยว่าการใส่รองเท้าส้นตึกเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก โดยเฉพาะการทำให้ปวดหัวเข่าและข้อเท้า
เมื่อไม่นานมานี้ นายแพทย์เคซีย์ เคอร์ริแกน ได้ศึกษาผลของการสวมใส่รองเท้าส้นตึกต่อสุขภาพ
โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงอายุตั้งแต่ ๓๐ ปีขึ้นไป จำนวน ๒๐ คน และแต่ละคนมีสุขภาพ
สมบูรณ์แข็งแรง ผู้หญิงกลุ่มตัวอย่างได้สวมใส่รองเท้าส้นแหลมและรองเท้าส้นตึก จากนั้นให้เดินไปบนทางเดินเป็นระยะทาง ๑๐ เมตร ระหว่างการเดินจะมีการบันทึกการเคลื่อนไหวของแต่ละคนไว้ รวมทั้งวัดแรงกดที่มีต่อหัวเข่าและข้อเท้าไว้ด้วย จากผลการทดลองพบว่าการสวมใส่รองเท้าส้นแหลมและรองเท้าส้นตึกจะทำให้หัวเข่าและข้อเท้าต้องรับแรงกดจากน้ำหนักมากเกินไป ถ้าสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดอาการปวดหัวเข่าได้ และยิ่งผู้สวมใส่มีอายุมากจะเกิดอาการปวดเข่าได้รวดเร็วด้วย
นอกจากอันตรายดังกล่าวแล้วการสวมใส่รองเท้าส้นตึกยังอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้สวมใส่โดยทำให้เกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ปวดเมื่อยบริเวณน่องและขา รวมทั้งอาจเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ๓ ระดับ ได้แก่ เอ็นฉีกขาดเล็กน้อย เอ็นฉีกขาดรุนแรงระดับกลางและเอ็นฉีกขาดจากกัน
และจากข้อมูลของการรักษาพยาบาลพบว่าผู้ป่วยจากการสวมรองเท้าส้นตึกส่วนมากจะมีอาการเท้าแพลงที่มีสาเหตุจากเอ็นฉีกขาดรุนแรงระดับกลางมากที่สุด ทำให้ต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานานอีกด้วย
แม้ว่าการสวมใส่รองเท้าส้นสูงอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความ
นิยมของคุณผู้หญิงทั้งหลายลดน้อยลง เพราะอันตรายที่อาจจะเกิดจากการสวมใส่รองเท้าส้นสูงกว่าจะปรากฏอาการออกมาให้เห็นก็ใช้เวลานาน
จึงขอให้คุณผู้หญิงทั้งหลายได้ให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย การใส่รองเท้าส้นสูงทำให้ดูสวยและสง่างามก็จริง แต่ก็ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้คุ้มค่ากันหรือไม่ก็ขอให้นำไปเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจ
เนื่องจากการใส่รองเท้าส้นสูงทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพดังกล่าวมาแล้ว การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการไม่ใส่รองเท้าส้นสูง แต่ใส่รองเท้าส้นเตี้ยหรือรองเท้าไม่มีส้น เพราะทำให้หัวเข่าและข้อเท้าไม่ต้องรับแรงกดจากน้ำหนักตัวมากเกินไป จึงไม่เกิดอาการปวดหัวเข่าหรือข้อเท้าหรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณน่องและขา
ส่วนคุณผู้หญิงที่ชอบหรือจำเป็นต้องใส่รองเท้าส้นสูงก็ต้องหาทางป้องกันอันตรายไว้ด้วย เช่น ในแต่ละวันไม่ควรใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานาน ควรหาโอกาสพักการใส่รองเท้าส้นสูงไว้บ้างเพื่อให้เท้าได้มีโอกาสผ่อนคลาย การกระทำเช่นนี้จะช่วยลดอันตรายจากการใส่รองเท้าส้นสูงได้บ้าง
ที่มา...สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=1060
เรื่องเด็ดๆ น่ารู้ กับรองเท้าคู่สวยคุณ
เทคนิคการเลือกซื้อรองเท้า
เคยบ้างไหมที่ซื้อรองเท้ามาคู่หนึ่ง เวลาอยู่ในร้านก็ถูกใจดี และดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับเท้าเรา แต่พอกลับมาที่บ้าน กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว
o เมื่อเลือกแบบได้จนพอใจแล้ว ให้ถามหาเบอร์ที่พอดีกับเท้าคุณเท่านั้น
o อย่าซื้อรองเท้าเบอร์เล็กกว่ามาใส่เป็นอันขาดเพราะคุณจะต้องเจ็บปวดเท้าตลอด เวลาที่สวมใส่เลยทีเดียว
o รองเท้าที่พอดีกับเท้าคุณนั้นคือคู่ที่ สวมใส่แล้วมีพื้นที่เหลือตรงปลายเท้าประมาณ 1 นิ้ว ซึ่งคุณสามารถขยับนิ้วได้สะดวก แต่ถ้าหลวมกว่านี้ก็ไม่ควรซื้อมา
o รองเท้าหนังแท้จะมีความยืดหยุ่นมากกว่าพวกหนังเทียม
o ไม่ควรลองสวมเฉพาะคู่ที่วางโชว์บนชั้นเพียงคู่เดียวเท่านั้น
o ลองสวมรองเท้าคู่ที่คุณจะซื้อนั้นให้แน่ใจก่อน คือลองสวมทั้งสองข้างแล้วลองเดินไปมาในระยะเวลาที่นานพอ
o ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้าร้านรองเท้าคือ ช่วงบ่าย เพราะเป็นเวลาที่เท้าขยายตัวมากที่สุด
วิธีเลือกซื้อรองเท้าใส่กับชุดราตรี
1. ชุดราตรีสั้น ควรจะเลือกรองเท้า ที่ดูโปรงสบาย เช่น รองเท้าเปิดหน้าให้เห็นเล็บเท้า หรือแบบสานเป็นเส้นแล้วพันข้อเท้า ส่วนจะเปิดส้นด้วยหรือไม่ก็ได้
2. ชุดราตรียาว เนื้อผ้าพริ้วบางเบา แนะนำให้ใส่รองเท้า แบบโปร่งที่มีลูกเล่น เช่น ติดเพชร หรือมีสายห้อยตุ้งติ้ง เล่นกับแสงไฟ เวลาเดินปลายกระโปรง จะปลิวไปด้านหลัง ทำให้เห็นรองเท้า และข้อเท้าที่ดูเซ็กซี่ผู้หญิงจะสวยสง่าขึ้นทันที เมื่อใส่รองเท้าส้นสูง โดยเฉพาะชุดราตรีนี่
คำทำนาย นิสัย7 อย่าง รองเท้า7แบบ
1. รองเท้าบูททรงสูง : เป็นผู้หญิงที่ชอบใส่กระโปรงสั้น มากๆ ชอบเดินไปตามห้างสรรพสินค้า ชอบทำสีผมให้เป็นริ้วหลากสี แถมดัดอีกด้วย บางคนอาจจะเรียก “สาวเริงร่า” แต่พวกขี้อิจฉาจะเรียกเธอว่า “นังตัวร้าย”
2. รองเท้ากีฬา : เธอติดกับยุคเก่า ชอบอะไรที่ดูเด่น กินอาหารแพงๆ
3. รองเท้าหุ้มส้น : อ่อนไหว ลักษณะเหมือนอาจารย์ ชอบผมสั้น ดูแลง่าย (ตัดผมทุก 6 อาทิตย์) ใส่เสื้อสีชมพูจีบรอบตัว กระโปรงยาวคลุมเข่า และใส่ถุงน่องหนาๆ ไม่สามารถเป็นสาวน้อย ยั่วยวนผู้พบเห็นได้เลย
4. รองเท้าแตะแบบสวม : ไม่ว่าจะไปงานเลี้ยงที่ไหน ก็ยอมเสียเวลาหลายชั่วโมง ตระเตรียมตระกร้าปิกนิก ให้พร้อมสรรพล้นเหลือ เธอปักผ้าถักริมลูกไม้เองด้วยนะ เพราะเธอรักศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการเย็บปักถักร้อย หรืองานฝีมือใดๆ
5. รองเท้าหรู : รองเท้าส้นสูงดูหรู เช่น มาโนโล บลาห์นิก ซึ่งเป็นรองเท้าที่ทำด้วยมือ คุณภาพดี หรูหรา และแพง มักจะใส่คู่กับเสื้อผ้าที่ตัดเย็บประณีต ติดลูกไม้ และมักจะใช้ กระเป๋าราคาแพง สะพายไหล่ เหมือนเป็นกระเป๋าธรรมดา ติดดินหรือ ลืมได้เลย
6. รองเท้าบูทแค่ข้อเท้า : เป็นคนที่มีจิตใจเป็นอิสระ จะเลือกฟังเพลง หรือนับถือศาสนาใดก็ได้ เสื้อ ผ้าโปรดของเธอ มักจะเป็นชุดถักไหมพรม หรือผ้ามัดย้อม และคุณจะไม่เคยได้ยิน คำปฏิเสธจากเธอเลย
7. รองเท้าสานส้นตัน : ก็แค่เป็นรองเท้าที่นิยมในสมัยนี้ เป็นคนเก๋ไก๋มากกว่าจะเรียกว่าสวย แต่ก็รู้ว่าควรต้องแต่งอย่างไร เป็นนักสู้ตัวฉกาจที่ยืนยันในสิ่งที่ตัวเองคิด
เรื่องน่ารู้ของรองเท้ากับผู้หญิง
จากผลการสำรวจของ Gallup พบว่า 37 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิงเลือกที่จะใส่รองเท้าส้นสูงเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีแม้ว่าจะไม่สบายขณะสวมใส่ก็ตาม (www.apma.org/topics/womens) แต่เมื่อเทียบระหว่างใส่รองเท้าส้นสูง 2 นิ้วขึ้นไป กับเท้าเปล่าพบว่า การใส่ส้นสูงมีแรงกดต่อข้อเข่ามากกว่าถึง 26 เท่า ซึ่งนั่นแสดงว่าคุณผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงมีโอกาสเกิดภาวะข้อเข่าเสื่อมมากขึ้นนั่นเอง (www.healthatoz.com)
สอดคล้องกับวิจัยของ Joelle Domingue ที่ว่า ผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงเป็นประจำมักมีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดเข่า เมื่อยและเป็นตะคริวที่น่อง รวมถึงปวดตึงบริเวณอุ้งเท้าขณะตื่นนอน ซึ่งการใส่ส้นสูงเป็นประจำมีผลต่อกระดูกเชิงกราน หมอนรองกระดูกสันหลัง ทั้งกล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อน่อง สาเหตุของการปวดหลังเนื่องจาก การใส่ส้นสูงทำให้หลังช่วงล่างแอ่น กระดูกเชิงกรานหมุนไปด้านหน้าทำให้กล้ามเนื้อลำตัวไม่สมดุลกัน จากภาพการใส่ส้นสูงทำให้ข้อเข่าแอ่น ซึ่งกดต่อหมอนรองข้อเข่า และกล้ามเนื้อน่อง (Gastrocnemius muscle) ตึง ทำให้การไหลเวียนเลือดบริเวณนั้นลดลง ทำให้เกิดตะคริวได้
ไม่เพียงแต่รองเท้าส้นสูงที่มีผลเสียต่อร่างกาย เพราะปัจจุบันนี้รองเท้าแฟชั่นส่วนใหญ่เป็นพื้นแบนราบติดพื้น ไม่มีโค้งเว้าของฝ่าเท้าเลย ซึ่งน้ำหนักตัวส่วนใหญ่กดมากบริเวณด้านในฝ่าเท้า เป็นสาเหตุให้เกิดตาปลา และทำให้ฝ่าเท้าแบนผิดรูปมากขึ้น ความสูงของรองเท้าที่เหมาะสมคือประมาณ 1-11/2 นิ้ว (J.Son,BMEI;2008) และควรเป็นรองเท้ารัดส้นเพื่อความมั่นคงในการเดิน
การออกกำลังกายสำหรับผู้ที่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ
ท่าออกกำลังกายทั้ง 3 ท่า เป็นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณหลัง สะโพก ต้นขา และกล้ามเนื้อน่อง ซึ่งวิธีปฎิบัติให้ทำค้างไว้ในท่าดังกล่าว ประมาณ 10 วินาทีควรทำทั้งหมดจำนวน 10-20 ครั้ง ในเวลาเช้าและเย็นทุกวัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
วันอังคารที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)